- ทั้งในการสะสมน้ำตาล
- สร้างน้ำย่อยอาหาร
- สร้างฮอร์โมนช่วยสร้างเกล็ดเลือดของไขกระดูก
- สร้างสารช่วยการแข็งตัวของเลือด
- สันดาป/สังเคราะห์โปรตีน และไขมัน
- และที่สำคัญ คือ ทำลายและกำจัดของเสียต่างๆ ออกจากร่างกายผ่านทางน้ำดี
ดังนั้นถ้าตับทำงานได้น้อยลง หรือเกิดโรคของตับ จะส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติได้หลายอย่าง เช่น เลือดออกง่าย และมีของเสียต่างๆสะสมในร่างกาย จนนำไปสู่การเสียชีวิตได้ เมื่อตับเสียการทำงานจนถึงขั้นเข้าสู่ภาวะตับวาย
โรคตับพบเกิดได้ในทุกอายุ ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุ เช่น ภาวะตัวเหลืองที่พบได้ตั้งแต่แรกเกิด (ภาวะตัวเหลืองในเด็กแรกเกิดและเด็กเล็ก) หรือโรคไวรัสตับอักเสบที่พบได้ในทุกอายุ ทั้งนี้พบโรคตับเกิดในเพศชายมากกว่าในเพศหญิง ซึ่งอาจเพราะเพศชายดื่มสุรามากกว่าเพศหญิง (สุราเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคตับอักเสบ และโรคตับแข็ง) โรคตับที่พบได้บ่อย คือ โรคตับอักเสบและโรคตับแข็งที่เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รองลงไปคือ โรคไวรัสตับอักเสบ โรคไขมันพอกตับ โรคตับอักเสบจากสาเหตุอื่นๆนอก เหนือจากติดเชื้อไวรัสและดื่มแอลกอฮอล์ เช่น จากผลข้างเคียงจากยา และโรคมะเร็งตับ
โรคตับมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคตับ ที่สำคัญที่สุด คือ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รองลงไปคือ การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบได้หลายชนิด ที่พบบ่อย คือ ไวรัสตับอักเสบ เอ ไวรัสตับอักเสบ บี และไวรัสตับอักเสบ ซี นอกจากนั้น คือสาเหตุอื่น เช่น - โรคอ้วน โรคไขมันในเลือดสูง และโรคเบาหวาน ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคไข มันพอกตับ
- การติดเชื้ออื่นๆนอกเหนือจากเชื้อไวรัส เช่น ติดเชื้อแบททีเรีย (เช่น ฝีตับ/ Amoe bic liverabscess) ติดเชื้อรา ติดเชื้อสัตว์เซลล์เดียว เช่น ฝีตับมีตัว (Amoebic liver abscess) และโรค พยาธิใบไม้ตับ (Liver fluke) ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งตับชนิดเกิดจากท่อน้ำดีในตับ
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด (เช่น ยาบางชนิดที่ใช้รักษาวัณโรค หรือจากยาพาราเซตามอล/Paracetamol) หรือสารพิษบางชนิด (เช่น เห็ดพิษ หรือสมุนไพรบางชนิด)
- โรคออโตอิมมูน/โรคภูมิต้านตนเอง
- โรคมะเร็ง ทั้งชนิดที่เกิดจากเซลล์ตับเอง (โรคมะเร็งตับ) และจากโรคมะเร็งของอวัยวะอื่นๆ เช่น โรคมะเร็งเต้านม แล้วแพร่กระจายตามกระแสโลหิตมาสู่ตับ
- พันธุกรรม เป็นโรคที่พบได้น้อยมาก และมักพบเกิดตั้งแต่เป็นเด็ก เช่น โรค Hemo chromatosis คือ โรคที่มีธาตุเหล็กไปจับในตับมากเกินปกติจนเป็นสาเหตุให้ตับสูญเสียการทำงาน เป็นต้น
อะไรเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับ?
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับ ได้แก่
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- เป็นโรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง
- ทำงานที่เกี่ยวข้องกับสารพิษ และสารเคมีต่างๆโดยไม่รู้จักการป้องกัน
- ทำงานที่ต้องสัมผัสกับ เลือด สารคัดหลั่ง หรือใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น (เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี)
- การกินอาหารที่ขาดสุขอนามัย (เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ไวรัสตับอักเสบ เอ)
- กินยาพร่ำเพรื่อ เสี่ยงต่อผลข้างเคียงของยา
- ชอบกินสมุนไพร หรือเห็ดแปลกๆ
- การส่ำส่อนทางเพศ (เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ไวรัสตับอักเสบ บี)
- การสักตามร่างกาย หรือ เจาะร่างกายจากแหล่งบริการที่ไม่สะอาดพอ เพราะอาจเป็นสาเหตุการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี
- ได้รับเลือดจากผู้ป่วยที่เป็นโรคตับอักเสบ บี หรือ ไวรัสตับอักเสบ ซี
โรคตับมีอาการอย่างไร?
อาการจากโรคตับ มีได้หลากหลายอาการ
ขึ้นกับสาเหตุ แต่อาการโดยรวมที่มักคล้าย คลึงกันในทุกสาเหตุและทำให้แพทย์คิดถึงโรคของตับ
ได้แก่
รักษาโรคตับอย่างไร?
แนวทางการรักษาโรคตับ
คือ การรักษาสาเหตุ ร่วมกับการรักษาประคับประคองตามอาการ
- การรักษาสาเหตุ เช่น
การให้ยาปฏิชีวนะเมื่อโรคตับเกิดจากติดเชื้อแบคทีเรีย
การผ่าตัดเมื่อมีเนื้องอกในตับ การเลิกสุรา หรือการหยุดยา เมื่อโรคตับเกิดจากสุรา
หรือ จากยา เป็นต้น นอกจากนั้นเมื่อตับสูญเสียการทำงานจนเกิด ภาวะตับวายเรื้อรัง
การรักษาคือ การผ่าตัดเปลี่ยนตับ (Liver transplantation)
- การรักษาประคับประคองตามอาการ
เช่น การให้ยาแก้ปวด หรือ ยาบรรเทาอาการคลื่น ไส้ อาเจียน ตามอาการ
การทำผ่าตัดใส่ท่อระบายน้ำดีเมื่อมีตัว ตาเหลืองมากจากมีการอุดตันของทางเดินน้ำดีในตับ
และการให้สารน้ำและอาหารทางหลอดเลือดดำเมื่อกิน ดื่ม ได้น้อย เป็นต้น
โรคตับรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงไหม?
ความรุนแรงของโรคตับขึ้นกับสาเหตุ
เช่น
- เมื่อเกิดจากผลข้างเคียงของยา เมื่อหยุดยา
เซลล์ตับมักกลับเป็นปกติ
-
แต่ความรุนแรงจะสูงขึ้น
เมื่อเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หรือ ไวรัสตับอักเสบ ซี
- หรือความรุนแรงจะสูงสุด
เมื่อสาเหตุเกิดจากโรคมะเร็งตับ หรือมีโรคมะเร็งของอวัยวะอื่นๆ แพร่กระจายมาสู่ตับส่วนผลข้างเคียง/ภาวะแทรกซ้อนจากการมีโรคตับ
คือ ภาวะตัวตาเหลือง (โรคดีซ่าน) การมีน้ำในช่องท้อง และภาวะตับวาย
ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้
ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
เมื่อมีอาการต่างๆดังได้กล่าวแล้วในหัวข้อ
อาการ ควรรีบพบแพทย์เสมอ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุแต่เมื่อเป็นโรคตับแล้ว
การดูแลตนเอง คือ
-
ปฏิบัติตามแพทย์ พยาบาลแนะนำ
กินยาต่างๆที่แพทย์แนะนำให้ถูกต้อง ครบถ้วน ไม่ขาดยา
- เคลื่อนไหวร่างกาย ออกกำลังกายสม่ำเสมอตามควรกับสุขภาพ
- พบแพทย์ตามนัดเสมอ