คลินิกปวดท้อง
อาการปวดท้อง บอกโรค
อาจเป็นแค่อาการเบสิก แต่อย่านึกว่าเป็นแล้วก็หายไม่อันตราย เพราะ บางรายปวดท้องเป็นประจำแต่ละเลยสุขภาพ ซึ่งจริง ๆแล้ว อาการปวดท้องอาจเป็นสัญญาณเตือนของร่างกายที่ควรจะไปพบแพทย์ได้แล้ว อาการปวดท้อง อาจเป็นแค่อาการเบสิก แต่อย่านึกว่าเป็นแล้วก็หายไม่อันตราย เพราะ บางรายปวดท้องเป็นประจำแต่ละเลยสุขภาพ ซึ่งจริง ๆแล้ว อาการปวดท้องอาจเป็นสัญญาณเตือนของร่างกายที่ควรจะไปพบแพทย์ได้แล้ว
สาเหตุของอาการปวดท้อง
ปวดท้อง อาจแค่ปวดไม่มากเดี๋ยวเดียวก็หาย หรือปวดมาก และรุนแรงมาก อาการปวดมักจะไม่จำเพาะเจาะจง อาจจะสัมพันธ์กับอวัยวะในช่องท้องโดยตรง เช่น กระเพาะปัสสาวะ รังไข่ อาการปวดท้องทั่วไป เกิดจากอวัยวะในระบบทางเดินอาหารผิดปกติ เช่น ไส้ติ่งอักเสบ ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ เป็นต้น ลักษณะของอาการปวดท้องตำแหน่งที่ปวด ความรุนแรงของอาการปวดท้อง และช่วงเวลาที่เกิด
มาดูกันค่ะ ว่าอาการปวดท้องบอกโรคอะไร และเมื่อไรควรจะต้องไปพบแพทย์
1. ชายโครงขวา เป็นจุดของตับ และถุงน้ำดี หากกดแล้วเจอก้อนแข็ง ๆ บวกกับอาการตัวเหลือง ตาเหลือง หมายถึง ความบกพร่องของตับ หรือถุงน้ำดี หากปวดมากควรพบแพทย์
1. ชายโครงขวา เป็นจุดของตับ และถุงน้ำดี หากกดแล้วเจอก้อนแข็ง ๆ บวกกับอาการตัวเหลือง ตาเหลือง หมายถึง ความบกพร่องของตับ หรือถุงน้ำดี หากปวดมากควรพบแพทย์
2. ใต้ลิ้นปี่ หรือกลางตัวเรา ตรงซี่โครงซี่ล่างสุด (กลางตัว) กระเพาะอาหาร ตับอ่อน ตับ และกระดูกลิ้นปี่
– ลองสังเกตตัวเองหากปวดเป็นประจำเวลาหิว หรืออิ่ม อาจเกี่ยวกับโรคกระเพาะ หากปวดรุนแรงร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน อาจเป็นตับอ่อนอักเสบ
– หากคลำเจอก้อนเนื้อขนาดใหญ่และค่อนข้างแข็ง อาจหมายถึงตับโต
– หากคลำได้ก้อนสามเหลี่ยมแบนเล็ก ๆ อาจเป็นกระดูกลิ้นปี่ ควรพบแพทย์
3. ปวดชายโครงขวา จะตรงกับตำแหน่งของม้าม ไม่ต้องรีรอ ไปปรึกษาแพทย์ทันที
4. ปวดบั้นเอวขวา ตรงตำแหน่งของท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่
– อาการปวดมาก : ลำไส้ใหญ่อักเสบ
– อาการปวดร้าวถึงต้นขา : เริ่มต้นเป็นนิ่วในท่อไต
– อาการปวดร่วมกับปวดหลัง มีไข้ หนาวสั่น ปัสสาวะขุ่น : กรวยไตอักเสบ ควรรีบไปพบแพทย์
– เมื่อคลำเจอก้อนเนื้อ : ควรรีบไปพบแพทย์
5. ปวดรอบสะดือตรงกับตำแหน่งลำไส้เล็ก หากกดแล้วปวดมาก คืออาการไส้ติ่ง ปวดมากจนทนไม่ได้ควรพบแพทย์ หากปวดแบบมีลมในท้องด้วย อาจแค่กระเพาะลำไส้ทำงานผิดปกติ
6. ปวดบั้นนเอวซ้าย เป็นตำแหน่งท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่
– ปวดมาก : ลำไส้ใหญ่อักเสบ
– ปวดร้าวถึงต้นขา : อาจเป็นนิ่วในท่อไต
– ปวดร่วมกับปวดหลัง มีไข้ หนาวสั่นด้วย ปัสสาวะขุ่น : กรวยไตอักเสบ ให้รีบไปพบแพทย์
– คลำเจอก้อนเนื้อ : ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบพบแพทย์
7. ปวดท้องน้อยขวา เป็นตำแหน่ง ไส้ติ่ง ท่อไต และปีกมดลูก
– หากปวดเกร็งเป็นระยะ ๆ แล้วร้าวมาที่ต้นขา : กรวยไตอักเสบ ควรพบแพทย์
– ปวดเสียดตลอดเวลา กดแล้วเจ็บมาก : ไส้ติ่งอักเสบ
– ปวดร่วมกับมีไข้สูง หนาวสั่น มีตกขาว : ปีกมดลูกอักเสบ
– คลำแล้วเจอก้อนเนื้อ : ก้อนไส้ติ่ง หรือรังไข่ผิดปกติ
8. ปวดท้องน้อย ตรงตำแหน่งกระเพาะปัสสาวะ และมดลูก
– ปวดเวลาถ่ายปัสสาวะ หรือถ่ายกะปริบกะปรอย : กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
– ปวดเกร็งเวลามีประจำเดือน ผู้หญิงที่แต่งงาน ไม่มีลูกแล้วมีอาการปวดเรื้อรัง : อาการมดลูกผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์
9. ปวดท้องน้อยซ้าย ตำแหน่ง ปีกมดลูก และท่อไต
– ปวดเกร็งเป็นระยะและร้าวมาที่ต้นขา : นิ่วในท่อไต
– ปวดร่วมกับมีไข้ หนาวสั่น ตกขาว : มดลูกอักเสบ
– ปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติ : ลำไส้ใหญ่อักเสบ
– คลำพบก้อนร่วมกับอาการท้องผูกเป็นประจำ : เนื้องอกในลำไส้