คลินิกภูมิแพ้ (ในเด็ก)
ภูมิแพ้!!! ในเด็ก รู้ทันป้องกันได้...

           โรคภูมิแพ้ คือ โรคที่ภูมิในร่างกายมีปฏิกิริยากับสารก่อภูมิแพ้หรือสิ่งแวดล้อมบางอย่างไวกว่าคนปกติ ส่งผลให้เกิดอาการแสดงได้ในหลายระบบของร่างกาย เช่น ระบบผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ และระบบทางเดินอาหาร

การทดสอบยืนยันว่าเป็นโรคภูมิแพ้สามารถทำได้อย่างไรบ้าง
           การทดสอบทางผิวหนัง วิธีการตรวจนี้เป็นวิธีที่นิยมที่สุด เพราะเป็นวิธีที่ถูกต้อง แม่นยำ สอดคล้องกับอาการได้ดี และยังสามารถทราบผลได้ภายใน 20 นาที
         การเจาะเลือด เป็นวิธีที่ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถทำการทดสอบทางผิวหนังได้ เช่น ในคนที่มีประวัติแพ้รุนแรงถึงช็อกหรือในคนที่มีผื่นมากและไม่มีผิวหนังปกติมากพอที่จะทำการทดสอบทางผิวหนังได้ ในบางครั้งเมื่อตรวจเลือดแล้วยังต้องตรวจยืนยันด้วยการทดสอบทางผิวหนังด้วย
          การทดสอบสมรรถภาพปอด จะทำการทดสอบในเด็กที่สงสัยว่าจะเป็นหอบหืด แต่เนื่องจากการทดสอบต้องการความร่วมมือพอสมควร ส่วนใหญ่จึงทำในเด็กอายุตั้งแต่ 6-7 ปีขึ้นไป

การรักษาโรคภูมิแพ้ทำได้อย่างไร
การรักษาโรคภูมิแพ้สามารถทำได้โดย 
          1. หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้หรือสงสัยว่าจะแพ้ เช่น อาหารบางชนิด (เช่น อาหารทะเล ไข่ ถั่วลิสง นมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว แป้งสาลี) ไรฝุ่น ฝุ่น ขนสุนัข ขนแมว บุหรี่ โดยการปรับสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น เลิกบุหรี่ ใช้ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนที่ป้องกันไรฝุ่น
          2. การใช้ยา ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าควรใช้ยาชนิดใด จำเป็นต้องให้ยาระยะยาวหรือไม่
          3. การออกกำลังกาย

จะทราบได้อย่างไรว่าลูกเป็นโรคภูมิแพ้
คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตได้จากอาการผิดปกติของลูก เช่น

           1. เป็นหวัดบ่อยหรือเรื้อรัง มักจะเป็นๆ หายๆ มาเป็นเวลานาน หรือเป็นในบางช่วงเวลา เช่น จาม น้ำมูกไหลเฉพาะตอนเช้า ส่วนเวลาอื่นปกติ
           2. บางรายอาจมีอาการไอเป็นหลัก วิ่งเล่นแล้วไอ อากาศเปลี่ยนแล้วไอ ไอเวลากลางคืน ไอเป็นเวลานานหลังหายจากหวัด ไอจนอาเจียน
           3. ถ้าเป็นผื่นแพ้มักจะคัน เป็นๆ หายๆ บางครั้งหายเองได้ อาจสังเกตพบว่าเป็นผื่นหลังจากรับประทานอาหารบางอย่าง เช่น อาหารทะเล ถั่วลิสง หรือไปสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมบางอย่าง เช่น ฝุ่น สัตว์เลี้ยง หากเด็กมีอาการผิดปกติที่คุณพ่อคุณแม่สงสัยว่าจะเป็นโรคภูมิแพ้ ควรรีบพามาพบแพทย์

ทำไมลูกถึงเป็นโรคภูมิแพ้
สาเหตุของโรคภูมิแพ้ในเด็กเกิดจาก

           1. การถ่ายทอดทางพันธุกรรม โดยพบว่าถ้าพ่อแม่เป็นโรคภูมิแพ้ เช่น หอบหืด ผื่นแพ้ผิวหนัง ลูกก็มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้มากกว่าคนอื่นหลายเท่า
           2.สิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น ไรฝุ่น สัตว์เลี้ยง ควันบุหรี่ เพราะฉะนั้น ถึงแม้พ่อแม่พี่น้องไม่มีโรคภูมิแพ้ แต่ผู้ป่วยก็มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้ถ้าอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี เช่น มีมลพิษมากๆ เป็นเวลานานหรือตั้งแต่เกิด

สามารถป้องกันไม่ให้ลูกเป็นโรคภูมิแพ้ได้อย่างไร

            สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถควบคุมเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกเป็นโรคภูมิแพ้ได้คือ สิ่งแวดล้อม โดยต้องให้ลูกมีสิ่งแวดล้อมที่ดีตั้งแต่อยู่ในท้อง คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อย่ารับประทานอาหารที่มีโอกาสที่จะทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ง่ายมากเกินไป เช่น อาหารทะเล ไข่ ถั่วลิสง นมวัว ช็อกโกแลต ผลิตภัณฑ์จากนม แป้งสาลี เพราะอาจทำให้ลูกได้สัมผัสกับสิ่งก่อภูมิแพ้เหล่านี้เร็วเกินไป

เมื่อเด็กเกิดมาควรเน้นให้เด็กได้รับนมแม่เพียงอย่างเดียวให้นานที่สุด (อย่างน้อยช่วง 6 เดือนแรก) พยายามหลีกเลี่ยงนมวัว และควรให้เด็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่สะอาด มีฝุ่น มลพิษให้น้อยที่สุด รวมถึงคุณพ่อคุณแม่และคนใกล้ชิดต้องงดสูบบุหรี่ไม่ว่าจะนอกบ้านหรือในบ้านก็ตาม

 อาการของโรคภูมิแพ้มีอะไรบ้าง
             โรคภูมิแพ้สามารถทำให้เกิดอาการได้ในหลายระบบของร่างกาย เช่น ระบบผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ หรือระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ระบบผิวหนัง 
             - ผื่นคัน ผิวหนังแห้ง โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและแก้ม ข้อศอก ข้อพับ เข่า ซอกคอ และตามลำตัว
             - ผื่นลมพิษเป็นๆ หายๆ

ระบบทางเดินหายใจ  
            - เป็นหวัดบ่อย หรือมีอาการเป็นบางเวลา เช่น จามน้ำมูกไหลในตอนเช้า แต่ไม่มีอาการในเวลาอื่น
            - เป็นหวัดเรื้อรัง หรือเป็นไซนัสอักเสบ 
            - มีอาการไอโดยเฉพาะในบางเวลา เช่น วิ่งเล่นแล้วไอ อากาศเปลี่ยนแล้วไอ ไอเวลากลางคืน ไอหลังหายจากเป็นหวัดเป็นเวลานาน

ระบบทางเดินอาหาร
            - ริมฝีปากบวม มีผื่นคันรอบปาก
            คลื่นไส้ อาเจียน แหวะนมบ่อยในเด็กทารก
            ท้องอืด ถ่ายเหลว มีมูกเลือดปนในอุจจาระ

คำถามเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ในเด็ก
            1. ลูกแพ้นมวัว นานแค่ไหน ถึงหาย  ?
           คำตอบ เมื่อได้รับการรักษาที่เหมาะสม โดย 30-56% ของเด็กที่แพ้นมวัวมักจะหายภายในอายุ 1 ปี เมื่ออายุ 3 ปีเด็กหายจากการแพ้นมวัวเพิ่มเป็น 70-87% และเมื่อผ่านไป 5 ปี เด็กส่วนใหญ่ก็จะกลับมากินนมได้ปกติถึง 81-95% ทั้งนี้ขึ้นกับอายุที่วินิจฉัย และการดูแลรักษาโดยการหลีกเลี่ยงอาหารที่เด็กแพ้อย่างจริงจัง จะทำให้เด็กหายได้ง่าย และรวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันพบว่าเด็กอาจแพ้อาหารหลายชนิดร่วมกัน และมีระดับของอาการที่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งทำให้มีแนวโน้มที่จะใช้เวลาในการรักษานานขึ้น

            2. ภูมิแพ้เป็นพันธุกรรม หรือไม่ ถ้าทั้งพ่อ และ แม่เป็นภูมิแพ้ ลูกจะมีโอกาสเป็นภูมิแพ้มากน้อยแค่ไหน
           คำตอบ สาเหตุของโรคภูมิแพ้ เกิดจาก กรรมพันธุ์ และสิ่งแวดล้อม   โดยพบว่า ถ้าพ่อ หรือแม่ เป็นโรคภูมิแพ้ จะทำให้ลูกมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ประมาณร้อยละ 30-50   แต่ถ้าทั้งพ่อ และแม่เป็นโรคภูมิแพ้ จะมีผลให้ลูกมีโอกาส เป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้นถึงร้อยละ 50-70 ในขณะที่เด็กที่มาจากครอบครัว ที่ไม่มีประวัติโรคภูมิแพ้เลย มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ เพียงร้อยละ 10 

 
           3. อาการภูมิแพ้จะมีโอกาสหายขาดหรือไม่

           คำตอบ โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้  เนื่องจากเป็นโรคทางพันธุกรรม  แต่สามารถควบคุมไม่ให้มีอาการ หรือมีอาการน้อยที่สุดได้ 

 

           4. เราควรหยุดยาแก้ภูมิแพ้ตอนไหนดี
          คำตอบ เมื่อสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการได้พอสมควร และประกอบเหตุที่ทำให้โรคนี้ดีขึ้นแล้ว คือการออกกำลังกายแบบแอโรบิค (เช่น วิ่ง,  เดินเร็ว,  ขึ้นลงบันได,  ว่ายน้ำ, เต้นแอโรบิก, เตะฟุตบอล, เล่นเทนนิส, แบดมินตัน   หรือบาสเกตบอล)อย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ  30  นาที   อย่างน้อยสัปดาห์ละ   3  วัน  

·